คอลเลกชัน: โซ่ลำเลียง (Conveyor Chain)

ข้อดีของการใช้โซ่ลำเลียง ในระบบอัตโนมัติ

โซ่ลำเลียง (Conveyor Chain) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ ระบบขนส่งวัสดุในโรงงาน อุตสาหกรรมสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคของโรงงานอัตโนมัติที่มุ่งเน้นการลดแรงงานคนเพื่อเพิ่มความเร็วในการผลิตและรักษา คุณภาพงานให้คงที่การนำโซ่ลำเลียง conveyor chain เข้ามาใช้งานจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเทคนิคและเศรษฐกิจ ข้อดีที่สำคัญของโซ่ลำเลียงในระบบ อัตโนมัติคือความสามารถในการส่งฃถ่ายกำลังและเคลื่อนย้ายชิ้นงานไดฃ้อย่างแม่นยำ โซ่ลำเลียง conveyor chainถูกออกแบบให้รับน้ำหนักได้สูงสามารถเคลื่อนย้ายชิ้นงานที่มีน้ำ หนักมากหรือมีรูปทรงไม่สม่ำเสมอได้โดยไม่ลื่นไถลต่างจากสายพานทั่วไปที่อาจมีการยืดหรือเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานต่อเนื่องในระยะยาวทำ ให้โซ่ลำเลียงเหมาะกับการใช้งานใน สายการผลิตที่ต้องการความทนทานและความสม่ำเสมอของจังหวะการทำงานนอกจากนี้โซ่ลำเลียงสามารถ ออกแบบให้ทำงานร่วมกับระบบควบคุมอัตโนมัติได้อย่างยืดหยุ่นอีกหนึ่งข้อดีคือการบำรุงรักษาง่ายและมีอายุการใช้งานยาวนานโซ่ลำเลียงมักผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงสูงในด้านของความปลอดภัยและความต่อเนื่องของการผลิตโซ่ลำเลียงช่วยลดการพึ่งพาแรงงานคนในกระบวนการ เคลื่อนย้ายสินค้าจึงลดโอกาสการ เกิดอุบัติเหตุจากการยกของหนัก หรือการขนส่งด้วยมืออีกทั้งยัง สามารถทำงานได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องหยุดพักเพิ่มความ สามารถในการผลิตของโรงงานให้สูงขึ้นอย่างชัดเจนและโซ่ลำเลียงยังมี ความสามารถในการปรับแต่งให้เข้า กับการใช้งานเฉพาะด้านได้ เช่น การเพิ่มลูกกลิ้ง ตัวจับยึด หรือโครงสร้างโค้งเพื่อลำเลียงสินค้าในทิศทางที่ซับซ้อน รวมถึงการติดตั้งในแนวลาดเอียง หรือแนวดิ่งได้อย่างมั่นคง ช่วยให้โรงงานสามารถออกแบบ ระบบอัตโนมัติที่เหมาะสมกับพื้น ที่และประเภทสินค้าที่ผลิตได้อย่างยืด หยุ่น

การบำรุงรักษาโซ่ลำเลียง เพื่อยืดอายุการใช้งาน

โซ่ลำเลียง (ConveyorChain) เป็นระบบขนส่งวัสดุในโรงงาน อุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นในสายการ ผลิตการบรรจุสินค้าหรือระบบขนย้ายวัตถุดิบโซ่ลำเลียงที่อยู่ในสภาพดีจะ ช่วยให้การทำงานของสายการผลิต ไม่มีการสะดุดลดปัญหาการหยุด เครื่องและประหยัดต้นทุนด้านการ ซ่อมบำรุงในระยะยาวการดูแลและ บำรุงรักษาโซ่ลำเลียงอย่างถูกวิธี หลักการสำคัญของการบำรุงรักษา คือการตรวจสอบสภาพโซ่อย่างสม่ำ เสมอโซ่ต้องทำงานภายใต้แรงดึงและแรงเสียดทานอยู่ตลอดเวลาจึงอาจ เกิดการยืดตัว หลวม หรือสึกหรอได้ การตรวจสอบควรเริ่มจากการดูระยะห่างของข้อต่อ การหมุนของลูกกลิ้ง การหลวมของเพลาและเสียงการทำงานหากมีเสียงดังผิดปกติเสียงกระแทก หรือการเคลื่อนที่ไม่สม่ำเสมอ อาจเป็นสัญญาณว่าโซ่เริ่มมีการสึกหรอ หรือระบบตั้งศูนย์ ไม่ตรง ซึ่งควรรีบแก้ไขก่อนจะเกิดความเสีย หายรุนแรงการหล่อลื่นโซ่ สำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของโซ่ลำเลียงConveyorChainได้อย่างมากการหล่อลื่นช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างข้อต่อและเพลาทำให้โซ่เคลื่อน ที่ได้ราบรื่นและลดการสึกหรอของชิ้นส่วนโดยควรใช้สารหล่อลื่นชนิดที่เหมาะกับประเภทของโซ่และสภาพแวด ล้อมและควรหล่อลื่นตามรอบที่ผู้ผลิตแนะนำเพื่อให้สารหล่อลื่นซึมเข้าไปถึงภายในข้อต่อทุกจุดนอกจากการหล่อลื่นแล้วการทำความสะอาดโซ่มีความ สำคัญไม่แพ้กัน ฝุ่น คราบน้ำมัน หรือเศษวัสดุที่ติดตามข้อต่ออาจทำให้โซ่หมุนได้ไม่ราบรื่นและเกิดการสึก หรอเร็วกว่าปกติควรทำความสะอาด ด้วยแปรงหรือลมแรงดันต่ำ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำแรงดันสูงหรือสารเคมีที่อาจกัดกร่อนโลหะเพราะอาจทำ ให้โซ่เป็นสนิมและเสื่อมสภาพก่อน เวลาการตั้งความตึงของ โซ่ให้เหมาะสมเป็นอีกจุดที่ต้อง ให้ความสำคัญโซ่ที่ตึงเกินไปจะทำให้ แรงดึงในระบบเพิ่มขึ้นส่งผลให้เพลา และลูกปืนสึกหรอเร็วส่วนโซ่ที่หย่อน เกินไปอาจทำให้หลุดจากเฟืองหรือ เกิดการกระแทกในระหว่างการลำ เลียงควรปรับความตึงของโซ่ให้เหมาะสมตามคู่มือของผู้ผลิตหรือใช้ระบบ ปรับอัตโนมัติในสายการผลิตที่มีความเร็วสูงเพื่อให้โซ่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ปัญหาที่พบบ่อยในการใช้งานโซ่ลำเลียงและวิธีแก้ไขเบื้อง ต้น

1. โซ่ลำเลียงเกิดการยืดหรือหลวมเกินไป คือปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดในการใช้งาน โซ่ลำเลียง conveyor chain เนื่องจากโซ่ต้องรับแรงดึงและแรงเสียดทานอยู่ตลอดเวลา เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ข้อต่อและเพลาจะเกิดการสึกหรอทำให้ ระยะ Pitch ของโซ่ยืดออกหากปล่อยให้หลวมเกินไป โซ่อาจหลุดออกจากเฟืองหรือเกิดการ กระแทกระหว่างการเคลื่อนที่ แนวทางแก้ไขเบื้องต้น
ตรวจสอบความตึงของโซ่อย่างสม่ำสมอ และปรับระยะให้เหมาะสมตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนดหากโซ่ยืดมากเกินไปควร เปลี่ยนโซ่เส้นใหม่ทันทีเพื่อป้องกันการ เสียหายของเฟืองและระบบขับเคลื่อน

2. โซ่มีเสียงดังหรือการเคลื่อนไหวไม่ราบรื่นเสียงดังระหว่างการทำงานมักเกิด จากการขาดการหล่อลื่นที่เพียงพอ หรือการตั้งแนวของเฟืองขับ และเฟือง ไม่ตรงกันซึ่งทำให้โซ่เสียดสีกับขอบ เฟือง เกิดเสียงกระแทกหรือสั่นสะเทือน แนวทางแก้ไขเบื้องต้น:ตรวจสอบการ หล่อลื่นของโซ่และเติมน้ำมันหรือจาระบี ให้เพียงพอใช้สารหล่อลื่นชนิดที่เหมาะ กับสภาพแวดล้อมการทำงาน เช่น น้ำมันหล่อลื่นอุณหภูมิสูงสำหรับระบบที่มีความร้อนหรือจาระบีชนิดกันฝุ่นในพื้นที่ที่มีสิ่งสกปรกมากพร้อมตรวจสอบ แนวศูนย์ระหว่างเฟืองขับและเฟืองตาม ให้อยู่ในแนวเดียวกัน

3. โซ่ขาดหรือหลุดออกจากเฟือง สาเหตุหลักมักมาจากการรับโหลด เกินกำลัง หรือแรงกระชาก ที่เกิดขึ้นฉับพลัน เช่น การเริ่มต้นหรือหยุดเครื่องกะทันหัน รวมถึงการที่เฟืองมีการสึกหรอจนฟัน เฟืองไม่สามารถยึดโซ่ได้แน่น แนวทางแก้ไขเบื้องต้น:ตรวจสอบขนาด โซ่และเฟืองให้เหมาะสมกับแรงดึงที่ต้องรับหากโซ่ขาดบ่อยควรเปลี่ยนไปใช้โซ่ ชนิดที่มีความแข็งแรงสูงกว่า เช่น โซ่เกรดพิเศษหรือโซ่ที่ผ่านกระบวนการ ชุบแข็งและตรวจสอบระบบควบคุม มอเตอร์ให้เริ่มและหยุดการทำงานอย่างนุ่มนวล เพื่อลดแรงกระชากในระบบ

4. โซ่เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ การสึกหรอมักเกิดจากฝุ่น สิ่งสกปรก หรือเศษวัสดุที่เข้าไปติดตามข้อต่อ ทำให้เกิดแรงเสียดทานมากกว่าปกติ หรือเกิดจากการหล่อลื่นไม่เพียงพอ เมื่อโซ่สึกหรอจะทำให้ระยะ Pitch เปลี่ยน ส่งผลให้เฟืองสึกตามไปด้วย แนวทางแก้ไขเบื้องต้น:
ทำความสะอาดโซ่ลำเลียงเป็นประจำ โดยเฉพาะในระบบที่มีเศษวัสดุตกค้าง เช่น ฝุ่นผง โลหะ หรือเศษอาหาร ควรใช้แปรงหรือลมแรงดันต่ำในการทำความสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือสารเคมีที่อาจทำ ให้เกิดสนิม จากนั้นหล่อลื่นใหม่ทุกครั้งหลังทำความสะอาด

5. เฟืองขับและเฟืองตามสึกหรอไม่เท่า กันหากเฟืองทั้งสองไม่อยู่ในแนวเดียวกันหรือโซ่ยืดไม่เท่ากันจะทำให้แรงดึงไม่ สม่ำเสมอและเฟืองบางจุดรับแรงมากกว่าปกติ ทำให้เกิดการสึกหรอเฉพาะด้าน แนวทางแก้ไขเบื้องต้น:
ตรวจสอบแนวการติดตั้งของเฟืองทั้งสองให้อยู่ในระนาบเดียวกันและตรวจสอบให้แน่ใจว่าโซ่มีการรับแรงเท่ากันทุกเส้น ในระบบแบบหลายเส้นหากเฟืองสึกมากควรเปลี่ยนทั้งชุดพร้อมกันเพื่อให้การขับเคลื่อนสมดุล

6. โซ่เกิดการกัดกร่อนหรือขึ้นสนิม ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือ สัมผัสกับสารเคมีบางชนิดโซ่โลหะอาจ เกิดการกัดกร่อนทำให้ความแข็งแรงลดลงและอายุการใช้งานสั้นลง แนวทางแก้ไขเบื้องต้น:
ใช้โซ่ที่ผลิตจากวัสดุป้องกันการกัด กร่อนเช่นโซ่สแตนเลสหรือโซ่เคลือบผิวพิเศษสำหรับงานที่อยู่ในพื้นที่เปียกชื้น หรือมีสารเคมีนอกจากนี้ควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดและหล่อลื่นให้มีฟิล์มน้ำมันบาง ๆ ป้องกันการเกิดสนิม

7. โซ่เกิดการกระตุกหรือขยับไม่สม่ำเสมอ อาการนี้มักเกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกที่เฟืองหรือรางลำเลียงการหล่อลื่น ไม่ทั่วถึง หรือโซ่ลำเลียง conveyor chainมีการยืดไม่เท่ากันในแต่ละช่วง แนวทางแก้ไขเบื้องต้น:
ตรวจสอบความสะอาดของรางลำเลียงและเฟืองขับทำความสะอาดคราบฝุ่นหรือ เศษโลหะที่อาจติดอยู่ตามร่องและปรับ ระยะความตึงของโซ่ให้เท่ากันทุกช่วง หากพบว่าข้อต่อบางส่วนฝืดหรือเคลื่อนยาก ให้หล่อลื่นเฉพาะจุดนั้นเพิ่มเติม

8. โซ่หลุดแนวหรือกระโดดเฟือง เกิดจากการตั้งศูนย์ไม่ตรง หรือเฟืองล้มหรือสึกไม่เท่ากัน ส่งผลให้โซ่ไม่สามารถเคลื่อนที่ตามแนวทางของระบบได้ แนวทางแก้ไขเบื้องต้น:
ตรวจสอบแนวศูนย์ของเฟือง และปรับฐานยึดให้ได้ระดับที่ถูกต้อง ตรวจเช็กการยึดแน่นของเฟืองและเพลา รวมถึงตรวจสอบการสึกหรอของร่อง เฟืองหากเสียรูปทรงควรเปลี่ยนใหม่เพื่อป้องกันโซ่กระโดดซ้ำ

โครงสร้างและส่วนประกอบ สำคัญของโซ่ลำเลียง

โซ่ลำเลียง (Conveyor Chain) เป็นอุปกรณ์ในระบบขนส่งวัสดุภายใน โรงงานอุตสาหกรรมทำหน้าที่รับแรงดึงและถ่ายทอดกำลังจากต้นกำลังไปยังจุดปลายทางเพื่อเคลื่อนย้ายชิ้นงานหรือ วัตถุดิบได้อย่างต่อเนื่อง โซ่ลำเลียง Conveyor Chain มีโครงสร้างที่แข็งแรงและสามารถปรับแต่งได้ตามประเภทของงานซึ่งประกอบ ด้วยชิ้นส่วนหลักหลายส่วนที่ทำงานร่วมกันอย่างประสานเพื่อให้ระบบลำเลียงมี ความทนทานและมีประสิทธิภาพ

1. แผ่นข้าง แผ่นข้างใช้ยึดข้อต่อ และเพลาเข้าด้วยกันโดยทั่วไปจะมีสอง แผ่น คือแผ่นในและซึ่งประกบ อยู่สองด้านของโซ่หน้าที่หลักคือรับแรงดึงและแรงกระแทกที่เกิดขึ้นระหว่างการลำเลียงสินค้าแผ่นข้างส่วนใหญ่ผลิต จากเหล็กกล้า หรือสแตนเลส เพื่อให้มีความแข็งแรงและทนต่อการสึกหรอบางรุ่นอาจผ่านกระบวนการชุบแข็งผิหรือเคลือบผิวกันสนิมเพื่อเพิ่มอายุ การใช้งานและป้องกันการกัดกร่อนใน สภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมี

2. เพลาเชื่อมต่อเพลาเชื่อมต่อเป็นแกน โลหะทรงกระบอกที่เชื่อมระหว่างแผ่น ข้างในและแผ่นข้างนอกทำหน้าที่เป็นจุดหมุนของข้อต่อโซ่และเป็นส่วนที่รับแรง ดึงโดยตรงจากการทำงานของระบบ เพลาเชื่อมต่อจะต้องมีความแข็งแรงสูง ทนต่อแรงเฉือนและแรงบิดที่เกิดขึ้น ระหว่างการเคลื่อนที่ในโซ่คุณภาพสูง เพลาเชื่อมต่อมักผ่านการชุบแข็งเพื่อ เพิ่มความทนทานและเคลือบสารหล่อลื่นแบบถาวรเพื่อลดแรงเสียดทานระหว่าง เพลากับปลอกบุชซึ่งช่วยลดการสึกหรอของระบบ

3. ปลอกบุชปลอกบุชทำหน้าที่เป็นปลอกรองรับระหว่างเพลาและลูกกลิ้งทำให้โซ่ หมุนได้อย่างราบรื่นโดยลดแรงเสียด ทานระหว่างชิ้นส่วนที่สัมผัสกันโดยตรง โครงสร้างของบุชมักทำจากเหล็กกล้า ชุบแข็งหรือบรอนซ์ปลอกบุชยังช่วย ป้องกันการสึกหรอของเพลาและลูกกลิ้ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความทนทานของโซ่ในระยะยาวหากบุชสึกหรอ มากเกินไป จะทำให้โซ่เกิดการยืด

4. ลูกกลิ้งลูกกลิ้งเป็นส่วนที่หมุนอยู่รอบบุชมีหน้าที่สัมผัสกับเฟืองและราง ลำเลียงโดยตรงเพื่อช่วยให้โซ่เคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่นและลดแรงเสียดทาน ลูกกลิ้งมีหลายขนาดขึ้นอยู่กับประเภท ของโซ่และลักษณะงาน

5. เฟืองขับและเฟืองตามเฟืองขับและ เฟืองตามเป็นส่วนที่ทำงานร่วมกับโซ่โดยตรงเฟืองขับจะต่อเข้ากับมอเตอร์เพื่อ หมุนดึงโซ่ให้เคลื่อนที่ส่วนเฟืองตามจะ อยู่ปลายอีกด้านหนึ่งของระบบทำหน้าที่รับแรงและช่วยรักษาความตึงของโซ่ จำนวนฟันของเฟืองจะมีผลต่อความเร็วและแรงบิดในการลำเลียงหากใช้เฟือง ฟันน้อยจะได้แรงดึงมาก แต่ความเร็วต่ำ ในขณะที่เฟืองฟันมากจะทำให้โซ่เคลื่อนที่เร็วแต่แรงบิดน้อยลงดังนั้นการเลือก ขนาดเฟืองต้องสัมพันธ์กับโหลดและ ความเร็วของระบบ

6. ข้อต่อโซ่ข้อต่อโซ่เป็นชิ้นส่วนที่ใช้ สำหรับต่อหรือแยกโซ่เพื่อความสะดวก ในการติดตั้งและบำรุงรักษาโดยทั่วไปจะมีทั้งแบบข้อต่อเร็วและข้อต่อแบบ สกรูล็อกข้อต่อที่ดีต้องสามารถรับแรง ได้เท่ากับโซ่ส่วนอื่นเพื่อไม่ให้เป็นจุดอ่อนของระบบในบางระบบที่ต้องถอดเปลี่ยนบ่อย เช่น สายพานลำเลียงแบบโมดูลาร์ มักใช้ข้อต่อที่ออกแบบมาให้ถอดได้ง่าย เพื่อประหยัดเวลาในการซ่อมบำรุง

7. โครงรองรับและรางลำเลียงไม่ใช่ส่วน ของโซ่โดยตรงแต่โครงรองรับและราง ลำเลียงเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบทั้งหมดรางลำเลียง ช่วยให้โซ่เคลื่อนที่ได้ในแนวที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแนวตรง โค้ง หรือลาดเอียง ขณะที่โครงรองรับทำหน้าที่แบกรับ น้ำหนักของโซ่และสินค้าโดยรวม รางลำเลียงบางชนิดอาจทำจากวัสดุ พลาสติกเกรดสูงเพื่อช่วยลดแรงเสียด ทานและเสียงระหว่างการทำงานส่วน โครงสร้างหลักมักทำจากเหล็กหรือ สแตนเลสเพื่อความแข็งแรงและมั่นคง ของระบบ

การทดสอบคุณภาพและ มาตรฐานการผลิตโซ่ลำเลียงก่อนออกสู่ตลาด

การผลิตโซ่ลำเลียง conveyor chain ที่มีคุณภาพการเลือกวัตถุดิบจนถึงกระ บวนการตรวจสอบขั้นสุดท้าย จะต้องยึดตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

1. การคัดเลือกวัสดุการเลือกใช้วัสดุที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของโซ่โดยวัสดุที่ใช้ต้องมีคุณสมบัติทนแรงดึงสูงไม่เปราะแตกง่ายและทนต่อการสึกหรอก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิตวัตถุดิบจะถูกทดสอบ ค่าความแข็งแรงความเหนียวและความต้านทานการกัดกร่อนเพื่อให้มั่นใจว่า วัสดุนั้นเหมาะสมต่อการใช้งานและเป็น ไปตามมาตรฐานที่กำหนด

2. การอบชุบความร้อนหลังจากขึ้นรูปชิ้นส่วนแต่ละส่วนจะนำวัสดุไปผ่านกระบวนการอบชุบความร้อนเพื่อเพิ่มความแข็ง แรงของผิวและความทนทานต่อการสึกหรอการทดสอบในขั้นตอนนี้จะวัดค่า ความแข็งของผิวชิ้นงานและความลึก ของชั้นชุบแข็งเพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละชิ้นมีคุณสมบัติตามที่ออกแบบไว้การอบชุบที่ ได้คุณภาพจะช่วยยืดอายุการใช้งานของโซ่ได้หลายเท่าลดการยืดตัวหรือการเสียรูปเมื่อทำงานในสภาวะแรงดึงสูง

3. การประกอบและตรวจสอบความเที่ยงตรงชิ้นส่วนทุกชิ้นผ่านการผลิตและ ตรวจสอบแล้วจะเข้าสู่กระบวนการประ กอบซึ่งต้องอาศัยความละเอียดสูงเพื่อ ให้โซ่มีระยะห่างของข้อต่อที่สม่ำเสมอ และขนานกันการตรวจสอบในขั้นตอนนี้จะใช้เครื่องมือวัดแบบละเอียดหากมี ความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย อาจทำให้โซ่ขยับไม่เรียบ เกิดเสียงดัง หรือขัดกับเฟืองระหว่างการทำงาน ซึ่งจะส่งผลต่ออายุการใช้งานของระบบ โดยรวม

4. การทดสอบแรงดึงเพื่อวัดความ สามารถของโซ่ในการรับแรงดึงสูงสุด ก่อนจะขาด โดยใช้เครื่องทดสอบแรงดึง เพื่อจำลองสภาวะการทำงานจริงค่าที่ได้จะต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด ผลการทดสอบนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโซ่สามารถทำงานภายใต้แรงภาระหนักได้โดยไม่เสียรูปหรือขาดง่าย

5. การทดสอบการหมุนและการสึกหรอ การทดสอบนี้จำลองการทำงานจริงของโซ่ในระยะยาวโดยให้โซ่หมุนผ่านเฟืองใน รอบความเร็วที่กำหนดต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายหมื่นรอบเพื่อวัด อัตราการสึกหรอการยืดตัวและเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นในขั้นตอนนี้ยังใช้การตรวจสอบด้วยกล้องขยายหรือเครื่องวิเคราะห์ภาพเพื่อดูการสึกหรอของลูกกลิ้งและ เพลาหากพบว่าการสึกหรอเกินค่า มาตรฐานโซ่ชุดนั้นจะไม่ผ่านการตรวจ สอบ

6. การทดสอบความต้านทานการกัด กร่อนสำหรับโซ่ที่ต้องใช้ในสภาพแวด ล้อมที่มีความชื้นสูงหรือสัมผัสกับสารเคมี

7. การทดสอบเสียงและความเรียบของ การทำงาน โซ่ลำเลียง conveyor chain ที่ดีต้องทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่กระตุกหรือเกิดเสียงดัง โดยผู้ผลิตจะนำโซ่มาทดสอบบนเครื่อง จำลองระบบลำเลียง เพื่อวัดระดับเสียง และตรวจสอบการเคลื่อนไหวในแต่ละจุดเชื่อมต่อหากพบว่าการหมุนไม่สมดุล หรือมีเสียงผิดปกติจะถูกนำกลับไปปรับแก้ก่อนวางจำหน่าย

8. การตรวจสอบขั้นสุดท้ายก่อนออกสู่ ตลาดโซ่ทุกเส้นต้องผ่านการตรวจสอบ สุดท้ายโดยทีมควบคุมคุณภาพเพื่อ ยืนยันว่าทุกขั้นตอนของการผลิตเป็นไปตามมาตรฐานทั้งในด้านรูปลักษณ์น้ำ หนัก ขนาดระยะPitchและความแข็งแรง รวมถึงบรรจุภัณฑ์และการติดฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้องผู้ผลิตบางรายยังมี ระบบ Traceability หรือรหัสประจำรุ่น เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งที่มาของวัตถุดิบและขั้นตอนการ ผลิตได้ในกรณีที่เกิดปัญหา

คำถามอื่นๆ เกี่ยวกับ โซ่ลำเลียง Conveyor Chain