ทำความรู้จักกับไดอัลเกจ เครื่องมือวัดความละเอียดในงานผลิต
อุปกรณ์การวัดที่มีหน้าปัดและสเกลคล้ายกับนาฬิกาสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตแล้วการวัดเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่บอกได้ว่าสินค้าที่ผลิตมีขนาดที่ตรงตามมาตรฐานหรือไม่งานที่เหมาะกับการใช้ไดอัลเกจ ได้แก่ การวัดความเป็นระนาบความขนาน เช่นวัดหาศูนย์วัตถุก่อนทำการกลึง ตรวจสอบความขนาน ตรวจสอบความเที่ยงของศูนย์กลาง ตรวจสอบขนาด วัดความเยื้องศูนย์
ไดอัลเกจมีหลายประเภท การใช้งานต่างกันหรือไม่?
ไดอัลเกจ อนาล็อค
เป็นไดอัลเกจระบบสเกลแบบอนาล็อก มีตัวเรือนเส้นผ่านศูนย์กลาง 57 มิลมิเมตร การยึดเกาะที่แน่นหนาระหว่างตัวเรือนและการเคลือบคริสตัสตลอดจนการใช้งาน อุปกรณ์ยึดตัวเรือน คานยกและอุปกรณ์เสริมสามารถติดตั้งได้ง่าย โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือยุ่งยากนิยมใช้วัดชิ้นงานและติดตั้งเครื่องจักร เช่น วัดความเรียบ ระยะเยี้ยงศูนย์ เป็นต้น
ไดอัลเกจ ดิจิตอล
ไดอัลเกจแบบดิจิทัล มีดีไซน์กะทัดรัดที่ใช้งานง่ายและอ่านค่าง่าย ปุ่มกดขนาดใหญ่ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันทั้งหมด การอ่านค่าจะแสดงบนจอ LCD ฟังก์ชันเอาต์พุต ช่วยให้จัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมจะนิยมใช้งานแบบนี้ เพราะง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน
ไดอัลเกจ อินดิเคเตอร์
ไดอัลเกจอินดิเคเตอร์ง่ายต่อการเข้าถึงพื้นผิวที่เข้าถึงได้ยากผลิตโครงสร้างเป็นแบบ No-clutch เพื่อการใช้งานแบบอัตโนมัติสำหรับการวัดโดยตรง และมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นละอองด้วยชิ้นส่วนที่เป็นชิ้นเดียวกัน กระจกมีคุณ สมบัติป้องกันรอยขีดข่วน มีความไวสูงและได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เนื่องจากตลับลูกปืนที่แรงเสียดทานต่ำฟังก์ชันการทำงานและความสามารถในการอ่านมีอินดิเคเตอร์ทดสอบให้เลือกมากมาย พร้อมกับอุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์ติดตั้ง ที่ใช้งานได้ง่าย
หลักการทำงานของไดอัลเกจ (Dial Gauge)
แกนวัด (Plunger) หรือก้านสัมผัสของไดอัลเกจจะเลื่อนขึ้น–ลงเมื่อสัมผัสพื้นผิวชิ้นงาน การเคลื่อนที่นี้จะถูกแปลงเป็นการหมุนของเฟืองภายในชุดกลไก ทำให้เข็มบนหน้าปัดหมุนตามระยะเคลื่อนที่ที่เกิดขึ้น
1) ก้านวัดสัมผัสชิ้นงาน
เมื่อก้านวัดกดหรือยืดตามระดับผิวชิ้นงาน จะเกิดการเคลื่อนที่แบบเชิงเส้น
2) กลไกเฟืองและแร็ค (Rack & Pinion Mechanism)
ภายในไดอัลเกจมีกลไกเฟืองที่เชื่อมกับก้านวัด การเคลื่อนที่เชิงเส้นจะถูกแปลงเป็น การหมุน ของเฟือง ทำให้เข็มหมุนบนหน้าปัดได้อย่างแม่นยำ
3) เข็มแสดงผลบนหน้าปัด
ระยะที่ก้านวัดเคลื่อนที่เท่าใด เข็มจะหมุนแสดงค่าตามสัดส่วนของการเคลื่อนที่นั้น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถอ่าน ค่าความคลาดเคลื่อน, ความสูงต่ำ, การเยื้องศูนย์ หรือ ความเรียบ ของชิ้นงานได้
องค์ประกอบของไดอัลเกจ(Dial Gauge)
| ส่วนประกอบ | คำอธิบายหน้าที่ |
|---|---|
| Lifting Cap (Raise the Plunger) | ฝายก ใช้มือดึงเพื่อยกก้านวัด (Plunger) ขึ้นจากผิวชิ้นงาน เพื่อความสะดวกในการนำไดอัลเกจเข้าหรือออกจากชิ้นงาน |
| Bezel Clamp | ตัวล็อคกรอบหน้าปัด ใช้ล็อค Bezel (กรอบหน้าปัด) หลังจากตั้งศูนย์ เพื่อป้องกันไม่ให้หมุนเองโดยไม่ตั้งใจ |
| Revolution Counter (Turn Counter) | ตัวนับรอบหรือหน้าปัดย่อย ใช้แสดงจำนวนรอบที่เข็มหลักหมุนไป บอกระยะรวมที่วัดได้ |
| Markers | เครื่องหมายหรือขีดกำหนดระยะ (เข็มเล็ก 2 อัน) ใช้กำหนดขีดจำกัดสูงสุด–ต่ำสุด (Tolerance Limits) รอบหน้าปัดหลัก |
| Bezel | กรอบหน้าปัดหมุนได้ ใช้ตั้งตำแหน่ง "0" ให้ตรงกับเริ่มต้นการวัด |
| Division | ช่องแบ่งสเกลบนหน้าปัด แสดงค่าระยะน้อยที่สุดที่วัดได้ เช่น 0.01 mm หรือ 0.001 inch |
| Stem | ก้านจับ/ก้านยึด ใช้สำหรับยึดตัวเรือนไดอัลเกจกับแท่นหรือขาตั้งตรวจวัด |
| Plunger | ก้านวัด เคลื่อนที่เข้า–ออกตามผิวชิ้นงาน และกลไกจะเปลี่ยนเป็นการหมุนของเข็มบนหน้าปัด |
| Contact Point | ปลายสัมผัสของ Plunger ใช้สัมผัสผิวชิ้นงานที่ต้องการวัด |
การใช้งานของไดอัลเกจ (Dial Gauge) ในงานอุตสาหกรรม
การใช้งานของไดอัลเกจ (Dial Gauge) เป็นอุปกรณ์วัดละเอียดที่ช่วยตรวจสอบของชิ้นงาน เครื่องจักร และกระบวนการผลิตที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง ไดอัลเกจถูกใช้ในหลากหลายแวดวง ทั้งงานกลึง งานกัด งานประกอบ งานซ่อมบำรุง รวมถึงงานควบคุมคุณภาพในโรงงานอุตสาหกรรม ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ แม่พิมพ์ โลหะ และอุตสาหกรรมระบบเครื่องกล โดยหลักการคือใช้ตรวจจับ “ระยะคลาดเคลื่อนเล็กมาก” ที่ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้ เพื่อให้ชิ้น งานอยู่ในมาตรฐานที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
1. ความเยื้องศูนย์ (Runout)
ของชิ้นส่วนหมุน เช่น เพลา จานโรเตอร์ ล้อเฟือง หรือตัวจับชิ้นงานบนเครื่องกลึง หากเพลามีการแกว่งแม้เพียง 0.02–0.05 มม. อาจนำไปสู่การสั่นสะเทือน เสียงดัง และลดอายุการใช้งานของเครื่องจักรได้ การตั้งไดอัลเกจบนแท่นแม่เหล็กแล้วหมุนชิ้นงานจะทำให้เห็นค่าการแกว่งอย่างชัดเจน ช่วยให้ช่างปรับศูนย์ได้ถูกต้อง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนการกลึงหรือการประกอบชิ้นงานทุกครั้ง
2. ความเรียบ (Flatness) และความขนาน (Parallelism)
ของพื้นผิวชิ้นงาน เช่น แท่นเครื่องจักร ฐานประกอบ หรือแผ่นแม่พิมพ์ ในการผลิตแม่พิมพ์หรือชิ้นงานที่ต้องการความละเอียดสูง ผู้ผลิตต้องแน่ใจว่าพื้นผิวเรียบเสมอกันไม่บิดตัว การใช้งานไดอัลเกจจะช่วยตรวจสอบได้โดยลากหัววัดไปตามแนวพื้นผิว ซึ่งค่าเข็มจะบอกความสูงต่ำของพื้นผิวแบบต่อเนื่อง หากมีความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยก็สามารถแก้ไขก่อนเข้าสู่กระบวนการถัดไป ช่วยลดงานเสียและประหยัดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก
3. งานซ่อมบำรุงเครื่องจักร (Maintenance)
ไดอัลเกจถือเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ต้องมีติดกล่อง เพราะใช้วัดการสึกหรอของลูกปืน การหลวมของบูช การโก่งตัวของเพลา หรือการกดแน่นของชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น การตรวจระยะหลวมในเพลาขับ หากเกินค่ามาตรฐาน เครื่องจักรอาจเกิดการสั่นผิดปกติ ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หรือเสี่ยงต่อการพังเสียหาย นอกจากนี้ยังใช้ตั้งระยะ Backlash ของชุดเฟือง โดยวัดการเคลื่อนที่กลับไปกลับมาก่อนเกิดแรงขับ เพื่อให้การประกอบเฟืองทำงานเงียบ ลื่นไหล และไม่สึกหรอเร็วเกินไป
4. งานควบคุมคุณภาพ (QualityControl QC)
ไดอัลเกจถูกใช้อย่างกว้างขวางในกระบวนการตรวจสอบชิ้นงานหลังการผลิต เช่น ตรวจสอบความหนา ความสูง ความลึก ระดับผิว หรือค่าความเบี่ยงเบนจากมาตรฐาน เมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม เช่น Surface Plate, Height Gauge หรือ Fixtures ต่าง ๆ ไดอัลเกจจะสามารถวัดได้อย่างแม่นยำและสามารถบันทึกค่าเพื่อทำรายงาน QC ได้ทันที ส่งผลให้สินค้าที่ออกจากโรงงานมีคุณภาพคงที่ เชื่อถือได้ และผ่านมาตรฐานสากล เช่น ISO หรือ JIS
ข้อดีของไดอัลเกจ (Dial Gauge)
1.ความไวต่อการเคลื่อนที่ในระดับไมโคร
การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของระยะทางเช่น0.01มิลลิเมตรก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนบนหน้าปัด ทำให้ไดอัลเกจเหมาะมากสำหรับการตรวจสอบชิ้นส่วนที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น แผ่นชิม, แกนเพลา, แบริ่ง, ชิ้นส่วนแม่พิมพ์ หรือโครงสร้างกลไกที่ต้องการความละเอียดระดับงานละเอียด ความไวนี้ยังช่วยลดความผิดพลาดจากการมองหรือการคำนวณด้วยตาเปล่า ทำให้งานตรวจสอบมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
2.การใช้งานง่ายและสะดวก
ผู้ใช้อาจไม่มีประสบการณ์มากก็สามารถอ่านค่าและใช้งานได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากหน้าปัดแบบเข็ม หมุนช่วยให้เห็นการเคลื่อนที่ของหัววัดได้แบบเรียลไทม์และยังสามารถตั้งค่าศูนย์ได้ง่ายผู้ใช้สามารถ นำไดอัลเกจไปติดกับขาตั้งแม่เหล็ก เพื่อจับกับโต๊ะงานหรือตัวเครื่องจักรได้อย่างมั่นคง ทำให้ตรวจสอบได้ในทุกทิศทางทั้งแนวนอน แนวตั้ง หรือทิศทางเฉียง เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานได้มากขึ้น
3.รองรับงานตรวจสอบได้หลากหลายลักษณะ
เป็นการวัดความเรียบ ความตรง ความเยื้องศูนย์ ความลึก ระยะชิ้นงานที่เคลื่อนที่ หรือการวัดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องจักร จึงใช้ได้ตั้งแต่งานซ่อมบำรุง งานประกอบ งานตั้งศูนย์มอเตอร์ ไปจนถึงงานผลิตที่ต้องควบคุมคุณภาพทุกชิ้นอย่างเข้มงวด ความหลากหลายนี้ทำให้ไดอัลเกจเป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าและใช้งานได้คุ้มเกินราคา
4.ความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน
โครงสร้างภายในเป็นระบบเฟืองกลไกที่ออกแบบให้รองรับแรงกดซ้ำๆ ได้ดีและมีความเสถียรสูง ผู้ผลิตหลายแบรนด์ออกแบบตัวเรือนให้ทนแรงกระแทก กันฝุ่น และกันน้ำระดับหนึ่ง จึงใช้งานในสภาพแวดล้อมโรงงานได้ดี แม้ในสถานที่ที่มีฝุ่นโลหะหรือของเหลวหล่อลื่น เครื่องมือก็ยังคงทำงาน
5.ประหยัดและคุ้มค่า
เทียบกับอุปกรณ์วัดละเอียดอื่นๆ เช่น เครื่องมือตรวจวัดแบบดิจิทัลหรือเครื่อง CNC Measuring Systemแม้ไดอัลเกจจะเป็นแบบกลไกแต่ให้ความแม่นยำสูงเพียงพอกับงานอุตสาหกรรมหลาก หลายประเภท ผู้ใช้สามารถบำรุงรักษาได้ง่าย และไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า ทำให้งานตรวจสอบไม่สะดุดแม้ในสถานการณ์ที่ต้องการความต่อเนื่อง