โอริง (O-ring)
ยางที่ถูกออกแบบมาในลักษณะเป็นวงกลม เป็นซีลชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกับขนมโดนัทหรือห่วงยาง ผลิตจากยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์สามารถถยืดหยุ่นทนความร้อนได้สูงสามารถนำไปเข้ารูปกับวัสดุได้หลากหลายประเภทจะนิยมใช้กับอุตสาหกรรมเครื่องจักรอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์อุตสาหกรรมอาหารโอริงยังผลิตออกมาหลากหลายขนาดและหลากหลายรูปแบบเหมาะกับการทำงานประเภท ปิดการรั่วซึม
โอริงยาง NBR
(Nitrile)
โอริงไวตัน Viton (FKM)
(O-Ring Viton)
โอริงยางซิลิโคน
(Silicone)
โอริงยาง EPDM
(Ethylene Propylene Diene Monomer)
โอริงยาง PTFE
(Polytetrafluoroethylene)
จะเห็นได้ว่าโอริงมีอยู่ 5 ประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติดังนี้
โอริงยาง NBR (Nitrile)
โอริง NBR เป็นชนิดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะสามารถต้านทานต่อน้ำมัน และความร้อนในช่วงอุณหภูมิ -40 °C ถึง 120 °C ซึ่งมีความยืดหยุ่นความต้านทานต่อแรงกดบีบอัด นอกจากนี้โอริง NBR ยังมีคุณสมบัติเชิงกลที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับยางชนิดอื่นๆ และมีความต้านทานการสึกหรอสูงเป็นพิเศษ
โอริงไวตัน Viton (FKM)
(O-Ring Viton)
โอริงไวตันผลิตจากยางฟลูออโรคาร์บอน (Fluorocarbon Rubber) มีคุณสมบัติในการต้านทานอุณหภูมิที่สูงในช่วงอุณหภูมิ -26 °C ถึง 232 °C ซึ่งสามารถใช้กับทุกสภาพแวดล้อมเช่นอากาศทั่วไปในน้ำมันไฮโดรลิกส์น้ำมันเชื้อเพลิง สารตัวทำละลาย หรือสารละลายเคมีบางอย่าง
โอริงยางซิลิโคน (Silicone)
โอริงซิลิโคนผลิตจากซิลิโคนเป็นยางที่ครอบคลุมกลุ่มของวัสดุจำพวกไวนิลเมทิลซิลิโคนซึ่งมักจะเป็นส่วนผสมกลางๆ มีความต้านทานแรงดึงค่อนข้างต่ำฉีกขาดง่ายและมีความต้านทานการสึกหรอได้ไม่ดีแต่ซิลิโคนมีความต้านทานความร้อนได้ดีขึ้นถึง 232 °C และสภาวะความเย็นได้ดีที่ -59 °C นิยมใช้กับอุตสาหกรรมอาหาร
โอริงยาง EPDM (Ethylene
Propylene Diene Monomer)
โอริง EPDM ผลิตจากพอลิเอทิลีนและโพรพิลีซึ่งโอริงชนิดนี้จะมีความสามารถในการทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -55 °Cถึง150°C ทนความร้อนสูงยืดหยุ่นคืนตัวได้ดีทนไอน้ำและทนสภาพแวดล้อมได้ดีเหมาะสำหรับเป็นซีลยางกันน้ำ ซีลยางกันฝุ่น
โอริงยาง PTFE
(Polytetrafluoroethylene)
ทนต่อสารเคมี และอุณหภูมิสูงมาก มีความเหนียว และไม่เกิดการย่อตัว เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานและป้องกันการเสื่อมสภาพจากสารเคมี
โอริง NBR (O-ring NBR) คืออะไร?
โอริง NBR (Nitrile Butadiene Rubber) เป็นโอริงที่ผลิตจากวัสดุ NBR หรือนาไพรล์บูตาดายน์รับเบอร์ (Nitrile Butadiene) เป็นวัสดุพอลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติทนต่อน้ำมันและน้ำเกิดจากการสังเคราะห์อิมูนนิอุลคาอพระไลเอดีน (Acrylonitrile) และบูตาดายน์ (Butadiene) ซึ่งในแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกัน โอริง NBR มีคุณสมบัติทนต่อน้ำมัน น้ำดี และสารชนิดอื่น ๆ ที่มีความเป็นกรด เช่น น้ำยางเรซิน แอลกอฮอล์ และน้ำมันเครื่อง นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นที่ดี คงทนต่อแรงดันที่ต่ำกว่าวัสดุอื่นๆ แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาวะที่ต้องการความทนทานต่อสารเคมีหรืออุณหภูมิสูงมากๆ
คุณสมบัติ โอริง NBR (O-ring NBR)
- ทนต่อน้ำมัน และน้ำได้ดีเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาวะที่มีการสัมผัสกับน้ำมันหรือของเหลวชนิดอื่น
- มีความยืดหยุ่นที่ดี สามารถซีลติดอยู่กับพื้นผิวหรือขอบอย่างแน่นหนาได้ดีเพื่อป้องกันการรั่วซึม
- มีความทนต่อสารเคมีที่มีความเป็นกรด เช่น กรดไนตริก, กรดอะซิด, และสารที่มีความเป็นด่าง
- ทนอุณหภูมิได้ในระดับกลาง
โอริงไวตัน (Viton) คืออะไร ?
ยาง Viton เป็นหนึ่งในฟลูออโรอิลาสโตเมอร์ที่สึกหรอยากที่สุดในโลกใช้ในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบันที่สุด ซึ่งอุณหภูมิสุดขั้ว และมีความทนทานที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการใช้งานเฉพาะด้าน
คุณสมบัติโอริงไวตัน (O Ring Viton)
Viton เป็นยางสังเคราะห์ และอีลาสโตเมอร์ฟลูออโรโพลิเมอร์ที่ใช้ในโอริง และผลิตภัณฑ์ขึ้นรูป หรืออัดขึ้นรูปอื่นๆ มีคุณสมบัติต้านทานของเหลวได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับยางทั่วไปที่อุณหภูมิสูงไวตันยังคงรักษาสมบัติเชิงกลได้ดีเมื่อเทียบกับอีลาสโตเมอร์อื่นๆ มันยังคงยืดหยุ่นได้ดี มีความทนทานต่อน้ำมัน และสารเคมีที่อุณหภูมิสูง
ด้วยความสามารถในการซึมผ่านต่ำไปยังสารต่างๆ มากมาย Viton จึงต้านทานการเสื่อมสภาพจากสารเคมี และของเหลวหลากหลายประเภท เช่น เชื้อเพลิง สารหล่อลื่น กรดแร่ และคุณสมบัติเชิงกลอื่นๆ ได้แก่ ทนทานต่อแรงอัดต้านทานการเกิดออกซิเดชันในบรรยากาศแสง แดด สภาพภูมิอากาศ แม้กระทั่งเชื้อรา และรา Viton แสดงคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่ดี เช่นกันในการ ใช้งานแรงดันต่ำ ความถี่ต่ำ
แล้ว NBR กับ Viton ต่างกันอย่างไร ?
ยางโอริง NBR และโอริง Viton เป็นชื่อวัสดุยางที่นิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรม เพื่อใช้ในการผลิตซีล และผลิตผลิตภัณฑ์อื่นในอุตสาหกรรม แต่จะแตกต่างในคุณสมบัติทางเคมี และการใช้งาน ดังนี้
ยางโอริง NBR (Nitrile Butadiene Rubber)
- ผลิตจากประมาณ 70-90% บุตาดายีน (Butadiene) และ 10-30% อะคริลิคนิตไรล์ (Acrylonitrile) โดยปริมาณของอะคริลิคนิตไรล์จะมีผลต่อคุณสมบัติของยางในเรื่องของความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความทนทานต่อสารเคมีต่างๆ
- ทนต่อน้ำมัน น้ำ และสารเคมีทั่วไป มีความยืดหยุ่นดี แต่ความทนต่อความร้อน
- นิยมใช้ในงานที่ต้องการการกันน้ำมัน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมน้ำมัน และอุตสาหกรรมที่ต้องมีการป้องกันไม่ให้สารเคมีเข้าสัมผัสกับวัสดุ
ยางโอริง Viton
- ยางสังเคราะห์ที่ทำมาจากอะคริลิคนิตไรล์ (สูงถึง 66%) และฟลูออรีน (34%) ทำให้มีความทนต่อสารเคมี และความร้อนสูง
- ทนต่อความร้อนสูง (สูงสุดถึง 250-300°C) และมีความทนต่อสารเคมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงสารเคมีที่มีความเป็นกรด หรือเบสต่ำ นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่น และความเรียบเนียนที่ดี
- ใช้ในงานอุตสาหกรรมที่มีสารเคมีรุนแรง และอุณหภูมิสูง เช่น การใช้ในเครื่องยนต์เครื่องบิน อุตสาหกรรมเคมี และแวคคัม
จะเห็นได้ว่ายางที่ใช้ผลิตโอริงนั้นมีความแตกต่างกัน เนื่องจากมีมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน หากต้องการเลือกซื้อยางโอริงสามารถสอบถามได้ที่แอดมินได้เลยค่ะ
โอริงไวตัน (O Ring Viton) ทนอุณหภูมิไหม?
โอริงไวตัน (O-Ring Viton) เป็นวัสดุที่มีความทนทานต่ออุณหภูมิสูง และทนต่อสารเคมีได้หลายอย่าง ทำให้ใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอุณหภูมิ และสารเคมี
Viton เป็นวัสดุซิลิโคนฟลูออโรคาร์บอน (Fluorocarbon Elastomer) มีคุณสมบัติที่ทนต่ออุณหภูมิสูง ได้ถึงประมาณ 200-250 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ในอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่น, สารเคมีเครื่องบิน, โรงงานเคมี และอื่นๆ ที่มีการต้องมีการป้องกันต่อสารเคมีและอุณหภูมิสูงเป็นพิเศษ แต่การทนอุณหภูมิขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสภาวะที่ส่งผลต่อวัสดุด้วย ดังนั้น การใช้งาน O-ring Viton ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้ผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าวัสดุจะทนทานและให้ผลลับที่ดีกว่าในระยะยาวได้
สภาพแวดล้อมที่โอริงไวตันสามารถทำงานได้ดี
- ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
- เป็นเชื้อเพลิงหรือผสมกับเมทานอลหรือเอทานอล
- ดีเซลหรือผสมกับไบโอดีเซล
- น้ำมันแร่และจาระบี
- น้ำมันซิลิโคนและจาระบี
- สูญญากาศสูง
- โอโซน สภาพอากาศ และอากาศที่มีอุณหภูมิสูงมาก
- กรดแก่มากๆ
สภาพแวดล้อมที่โอริงไวตันสามารถทำงานได้ไม่ดี
- คีโตน
- กรดอินทรีย์น้ำหนักโมเลกุลต่ำ
- ไอน้ำร้อนยิ่งยวด
- เอสเทอร์ และอีเทอร์น้ำหนักโมเลกุลต่ำ
- น้ำมันไฮดรอลิกที่มีฟอสเฟตเอสเทอร์เป็นพื้นฐาน
วิธีวัดขนาดโอริง
1. วัดเส้นผ่าศูนย์กลาง (Inside Diameter):
- ใช้เทปวัดหรือเครื่องวัดเส้นผ่านศูนย์กลางเพื่อวัดระยะระหว่างขอบภายในของโอริง (วัดรูกลางโอริง)
- ในบางกรณี คุณอาจต้องบีบโอริงเล็กน้อยเพื่อให้ระยะเส้นผ่านศูนย์กลางเข้าใกล้เครื่องวัดเพิ่มขึ้น
2. วัดเส้นผ่านรอบ (Outside Diameter):
- ใช้เทปวัดหรือเครื่องวัดเส้นผ่านรอบเพื่อวัดระยะระหว่างขอบภายนอกของโอริง (วัดเส้นผ่านรอบโอริง)
3. วัดความหนา (Cross Section Diameter)
- วัดความหนาของโอริงจากด้านข้างมุมและข้ามไปยังด้านข้างมุมอีกข้างหนึ่งเพื่อหาความหนาของโอริง