ดอกกัดคืออะไร และ มีกี่ชนิด ?
ดอกกัด หรือ ดอกเอ็นมิล (End Mill) คืออะไร?
ดอกกัด หรือที่เราเรียกกันว่า ดอกมิลลิ่ง หรือ ดอกเอ็นมิล คือเครื่องมือที่ช่วยในการตัดเฉือน มีลักษณะปลายฟันคมบริเวณปลายของเครื่องมือ เพื่อการขึ้นรูปชิ้นงานแต่ละชิ้นงานให้มีรูปทรงตามที่ต้องการ ทั้งในแง่ของการใช้งาน หรือทำให้เกิดความสวยงาม ซึ่งในงานอุตสาหกรรมนั้นมีหลากหลายวิธีในการสร้างชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะรูโดยใช้ดอกสว่าน การทำเกลียวโดยการใช้ดอกต๊าป หรือแม้แต่ การกัดร่อง โดยดอกกัด เพื่อขึ้นรูปชิ้นงานที่มีความซับซ้อน แต่การขึ้นรูปของชิ้นงานนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปทรง และจำนวนฟ้นของดอกกัดด้วย วิธีการทำงานของดอกกัดนั้นจะยึดติดกับเครื่องมิลลิ่ง แล้วหมุนดอกกัดด้วยความเร็วสูงไปในทิศทางที่กำหนด เพื่อให้ได้ชิ้นงานตามที่ต้องการ
ดอกกัดมีกี่ชนิด อะไรบ้าง?
ดอกกัดสามารถเป็นได้หลายประเภทตามความเหมาะสมของลักษณะการกัด ซึ่งสามารถแบ่งตามรูปทรงของดอกกัดจะได้งานดังนี้
Square End Mills
ดอกกัดรูปสี่เหลี่ยม (Square End Mills ) : ดอกกัดแบบเหลี่ยมเรียกอีกอย่างว่า "ดอกกัดแบบแบน" ร่องฟันเลื่อยมีมุมแหลมที่ตัดเป็นมุม 90° เป็นหัวกัดทั่วไปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
Ball End Mills
ดอกกัดทรงโค้ง หรือดอกกัดหัวบอล (Ball End Mills) : ปลายของดอกกัดปลายมนไม่มีก้นแบน มีรัศมีเต็มเท่ากับครึ่งหนึ่งของเส้นผ่านศูนย์กลางเครื่องมือ
Raduis End Mills
ดอกกัดปาดมุม (Radius End Mills) : ใช้เพื่อเพิ่มรัศมีเฉพาะให้กับชิ้นงาน หรือในการเก็บผิวละเอียดเพื่อขจัดขอบหรือเสี้ยนที่แหลมคม
Taper End Mills
ดอกกัดหัวเตเปอร์ (Taper End Mills) : ดอกเอ็นมิลแบบดินสอ และดอกเอ็นมิลทรงกรวยนิยมใช้ในงานผลิตร่อง รู หรือการกัดข้างที่มีมุมลาดเอียงได้
Aluminum End Mills
ดอกเอ็นมิลสำหรับงานกัดอะลูมิเนียม (Aluminum End Mills) : อลูมิเนียมอัลลอยด์เป็นหนึ่งในวัสดุใหม่ที่แปรรูปไม่ง่ายนัก เนื่องจากเศษไม้สามารถยึดติดกับร่องและแพ็คได้
Chamfer Milling Cutter
Chamfer Milling Cutter : ใช้สำหรับการลบเหลี่ยมมุม เช่น 45°, 60°, 90°, 120° หรือ มุมบน และมุมล่าง
การเลือกใช้ดอกกัด ดอกเอ็นมิล (End Mill) ?
ก่อนที่จะนำดอกกัดไปใช้งาน จะต้องเข้าใจเรื่องจำนวนของฟันกัดให้ดี เพื่อที่จะสามารถเลือกดอกกัดได้ตรงกับความต้องการในการใช้งาน ซึ่งแบ่งประเภทฟันกัดได้ตามนี้
- แบบ 1 ฟัน : ถูกออกแบบมาใช้งานสำหรับเจาะวัสดุแข็งที่ใช้ความเร็วรอบสูงในการเจาะเศษให้หลุดออก
- แบบ 2 ฟัน : ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ของร่องคายเศษที่กว้าง เพื่อช่วยให้คายเศษวัสดุที่ถูกกัดได้ดี จึงเหมาะกับการกัดวัสดุที่มีความนิ่ม
- แบบ 3 ฟัน : มีหน้าตัดที่กว้างกว่าทำให้ใช้กัดวัสดุที่มีความแข็งได้ดีทั้งโลหะที่เป็นเหล็ก และโลหะทั่วไป
- แบบ 4 ฟันขึ้นไป : ถูกออกแบบให้ใช้ในการกัดงานที่มีความเร็วรอบมากขึ้น แต่จะมีปัญหาที่การคายเศษได้ไม่ค่อยดี แต่ข้อดีของฟันที่มากขึ้นช่วยให้เก็บรายละเอียดผิวได้ดี