มาตรวัดน้ำ ASAHI สุดยอดทางเลือกสำหรับการจัดการน้ำภายในอุตสาหกรรม

มาตรวัดน้ำ

มาตรวัดน้ำ (Water meter) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านท่อ ซึ่งเป็นส่วนสำ คัญในระบบประปาของบ้านเรือน อาคาร และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ โดยจะบันทึกปริมาณน้ำที่ใช้อย่างต่อเนื่อง และแสดงผลเป็นหน่วย เช่น ลูกบาศก์เมตร (cubic meter) หรือลิตร(liter) ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้ในการคำนวณค่าบิลค่าน้ำประปา อีกทั้งยังสามารถช่วยในการตรวจสอบว่าท่อน้ำรั่ว หรือแตกได้อีกด้วย

มาตรวัดน้ำ (Water meter) ยังเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการควบคุมการใช้น้ำประปา ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายและยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอีกด้วย การเลือกใช้มาตรวัดน้ำที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งาน จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุด

มาตรวัดน้ำ (Water meter) มีการทำงานอย่างไร?

มาตรวัดน้ำ (Water meter) ทำงานโดยหลักการวัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านไป เมื่อน้ำไหลผ่านมาตรวัดน้ำ จะทำให้ชิ้นส่วนภายในหมุน หรือเคลื่อนที่ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้จะถูกแปลงเป็นตัวเลขที่แสดงปริมาณน้ำที่ใช้นั่นเอง

หลักการทำงานโดยละเอียดของมาตรวัดน้ำ (Water meter)

  • ใบพัด : ส่วนใหญ่มาตรวัดน้ำจะใช้ใบพัดในการวัด เมื่อน้ำไหลผ่าน ใบพัดจะหมุนตามแรงดันของน้ำ
  • ตัวนับ : การหมุนของใบพัดจะเชื่อมต่อกับตัวนับ ซึ่งจะบันทึกจำนวนรอบที่ใบพัดหมุน และแสดงผลเป็นปริมาณน้ำที่ใช้ออกมา เช่น เป็นลิตร หรือลูกบาศก์เมตร
  • กลไกภายใน : ภายในมาตรวัดน้ำจะมีกลไกที่ซับซ้อนในการแปลงการหมุนของใบพัดให้เป็นตัวเลขที่เราเห็นได้บนหน้าปัด

มาตรวัด (Water meter) น้ำเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการวัดปริมาณการใช้น้ำ โดยอาศัยหลักการ แปลงการเคลื่อนไหวของน้ำให้เป็นตัวเลขที่อ่านได้การทำงานของมาตรวัดน้ำ (Watet meter) แต่ละประเภทอาจแตกต่างกันไป แต่หลักการพื้นฐานก็คือการวัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน

ประเภทของมาตรวัดน้ำ (Water meter) มีอะไรบ้าง?

มาตรวัดน้ำ (Water meter) มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีหลักการทำงานและเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว มาตรวัดน้ำจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ

มาตรวัดน้ำแบบบวก (Positive Displacement Meters)

ข้อดีของมาตรวัดน้ำแบบบวก ของมาตรวัดน้ำ (Water meter) แบบบวก มีความแม่นยำสูงสามารถวัดได้ทั้งน้ำใสและน้ำที่มีตะกอนเหมาะสำหรับการวัดปริมาณน้ำในอัตราการไหลที่ต่ำถึงปานกลาง

มาตรวัดน้ำแบบบวกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • มาตรวัดน้ำแบบใบพัด : เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในบ้านเรือนและอาคารทั่วไป เมื่อน้ำไหลผ่าน ใบพัดจะหมุน และการหมุนของใบพัดจะถูกนับเพื่อคำนวณปริมาณน้ำ
  • มาตรวัดน้ำแบบลูกสูบ : ใช้สำหรับวัดของเหลวที่มีความหนืดสูง หรือของเหลวที่มีอนุภาคแข็งปนอยู่
  • มาตรวัดน้ำแบบโรตารี่ : ใช้สำหรับวัดของเหลวที่มีความหนืดปานกลาง และมีอัตราการไหลสูง

มาตรวัดน้ำแบบวัดความเร็ว (Velocity Meters)

มาตรวัดน้ำ (Water meter) แบบวัดความเร็วจะวัดความเร็วของน้ำที่ไหลผ่าน และคำนวณปริมาณน้ำโดยอาศัยพื้นที่หน้าตัดของท่อและเวลาที่น้ำไหลผ่านตัวมาตรวัดน้ำ เมื่อน้ำไหลผ่านมาตรวัดน้ำแบบวัดความเร็ว จะมีอุปกรณ์ภายในที่สามารถตรวจจับความเร็วของน้ำได้ เช่น เซ็นเซอร์ หรือใบพัด เมื่อตรวจจับความเร็วได้แล้ว ระบบจะนำค่าความเร็วนี้ไปคำนวณหาปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน โดยพิจารณาจากพื้นที่หน้าตัดของท่อและระยะเวลาที่น้ำไหลผ่าน

ข้อดีของมาตรวัดน้ำแบบวัดความเร็ว

  • เหมาะสำหรับอัตราการไหลสูง : สามารถวัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านในอัตราการไหลที่สูงได้อย่าง แม่นยำและถูกต้อง
  • ทนทาน : มีส่วนประกอบที่เคลื่อนไหวน้อย ทำให้มีความทนทานต่อการใช้งาน
  • ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการอุดตัน : เนื่องจากส่วนประกอบของมาตรวัดน้ำชนิดนี้ ไม่มีความละเอียดอ่อนมากนัก ซึ่งทำให้ตัดปัญหาการอุดตันออกไปได้
  • สามารถวัดของเหลวที่มีความหนืดได้ : เหมาะสำหรับการวัดของเหลวที่มีความหนืดปานกลาง

ประเภทของมาตรวัดน้ำแบบวัดความเร็ว

  • มาตรวัดน้ำแบบอัลตร้าโซนิค : ใช้คลื่นเสียงในการวัดความเร็วของน้ำ โดยส่งคลื่นเสียงผ่านน้ำ และวัดเวลาที่คลื่นเสียงเดินทางไปกลับ ซึ่งจะสามารถคำนวณความเร็วของน้ำได้
  • มาตรวัดน้ำแบบเวนทูรี : ใช้หลักการลดขนาดหน้าตัดของท่อ ทำให้ความเร็วของน้ำเพิ่มขึ้น และวัดความแตกต่างของความดัน เพื่อคำนวณหาปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน

มาตรวัดน้ำ (Water meter) แบรนด์ขายดี

หากสนใจในการสั่งชื้อ มาตรวัดน้ำ (Water meter) สามารถเช็คราคาล่าสุดที่ตรงใจและตรง ต่อการนำไปใช้งานคุ้มค่ากับงบประมาณโดยการแอดไลน์ได้ที่นี่เลย @northpower หรือ คลิกสอบถามแอดมิน ที่คอยบริการให้ข้อมูลสินค้าช่วยเทียบสเปคสินค้าตั้งแต่ 8:00 - 17:00 แอดเลยไม่ต้องรอ