สายลม คืออะไร มีกี่แบบ และ เลือกแบบไหนดี?

สายลมคืออะไร

สายลม Tubing มีลักษณะเป็นสายท่อเส้นยาวๆ ขดเป็นม้วน น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่น และทนต่อแรงดันได้สูง ใช้สำหรับเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ เพื่อรับอากาศจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง มีหลากหลายชนิด และวัสดุที่ใช้ผลิต แต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันที่การนำไปใช้งาน ดังนั้นหากจะต้องเลือกสายลมเพื่อนำไปใช้งานนั้น ควรจะต้องรู้จักชนิดของสายลม ดังนี้

สายลมมีกี่ชนิด

สายลมแบ่งเป็น 5 ชนิดตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต คือ

สายลม PU หรือ สายลมโพลียูรีเทน (Polyurethane)

มีคุณสมบัติทนต่ออุณหภูมิได้ที่ -20 ถึง 70°C มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการกระแทก เสียดสี นอกจากนี้ยังสามารถบิด หรืองอสายได้โดยไม่เกิดความเสียหาย น้ำหนักเบา นิยมใช้ในหลากหลายงาน เช่น ใช้กับกาพ่นสี หรืองานพ่นสี เครื่องพ่นหมอก ปั๊มลม โซลินอยด์วาล์ว กระบอกลม airbrush หรือระบบนิวเมติกส์ต่าง

สายลม PE หรือ สายโพลีเอรีเทน (Polyethylene)

มีคุณสมบัติทนต่ออุณหภูมิ -25 ถึง 80°C มีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงดึงสูง น้ำหนักเบา มีแรงต้านในการไหลต่ำ สามารถรับแรงดันได้ถึง 10 Bar นอกจากนี้ยังทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมี จึงนิยมใช้ในอุตสาหกรรม อาหาร อุตสาหกรรมน้ำดื่ม และระบบนิวเมติกส์ที่เป็นส่วนประกอบของงานอาหาร

สายลม สปริง (Polyurethane Spiral tube)

มีคุณสมบัติคล้ายกับ สายลม PU แต่จะมีความแข็ง และคืนตัวได้แบบสปริง สายลมชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อสามารถจัดเก็บได้ง่าย และง่ายต่อการใช้งาน ปลายทั้งสองด้านมาพร้อมกับข้อต่อแบบสวมเร็วทั้งสองด้าน

สายลม ไนล่อน หรือ สายไนล่อน (NYLON)

สามารถทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -40 ถึง 70 °C มีความเหนียว ทนต่อการสึกหรอของผิว การกัดกร่อนของสารเคมี สารประกอบไฮโดร์คาร์บอน และน้ำมันได้ดี สามารถใช้ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง และใช้แรงดันได้สูงสุดที่ 25 Bar นิยมใช้งานในระบบนิวเมติกส์ เครื่องมือ CNC

สายลม เทปล่อน PTFE (Teflon tube)

มีคุณสมบัติทนต่ออุณหภูมิ -50 ถึง 280°C สามารถทนความร้อน สารเคมี ทนความดันมากกว่า 10 Bar หรืออาจสูงได้ถึง 30 Bar นอกจากนี้ยังเป็นฉนวนไฟฟ้า และต้านทานสภาพอากาศได้ดี เนื่องจากสายลมชนิดนี้มีความลื่นทำให้ชิ้นงานไม่เกาะติดผิว สายลมชนิดนี้ถูกนำมาผลิตเป็นท่ออ่อนเพื่อการส่งลมอัดในระบบ และยังถูกบังคับใช้ในอุตสาหกรรมประเภทอาหารและยา