ไมโครมิเตอร์คืออะไร ?
ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า "ไมค์" นั้น เป็นเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงมากชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับวัดขนาดของวัตถุที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ความหนา ความกว้าง หรือเส้นผ่านศูนย์กลาง โดยทั่วไปแล้ว ไมโครมิเตอร์จะวัดได้ละเอียดถึง 0.01 มิลลิเมตร หรือ 10 ไมครอน เลยทีเดียว ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในหลายอุตสาหกรรมไมโครมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดที่มีความสำคัญมากในอุตสาหกรรมต่างๆ การเลือกใช้ไมโครมิเตอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลการวัดที่ถูกต้องและแม่นยำ
ไมโครมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงมากไมโครมิเตอร์ ใช้ วัด อะไร ที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยทั่วไปแล้ว ไมโครมิเตอร์ใช้วัดอะไรได้บ้างดังต่อไปนี้
- ความหนา: เช่น ความหนาของแผ่นโลหะ แผ่นพลาสติก กระดาษ หรือวัสดุอื่นๆ
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: ทั้งเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (ของวัตถุทรงกลม) และเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน (ของรู)
- ความลึก: เช่น ความลึกของรูหรือช่องต่างๆ
- ความกว้าง: ของช่องว่างระหว่างวัตถุสองชิ้น
ส่วนประกอบของไมโครมิเตอร์มีอะไรบ้าง
ไมโครมิเตอร์เป็นเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงในการวัดขนาดของวัตถุโดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง มาทำความรู้จักกับส่วนประกอบของไมโครมิเตอร์มีอะไรบ้างกันเลย
จากภาพที่คุณให้มา เราสามารถแบ่งส่วนประกอบหลักๆ ของไมโครมิเตอร์ได้ดังนี้
- A. แกนรับ (Anvil): เป็นส่วนที่อยู่นิ่งและทำหน้าที่เป็นจุดอ้างอิงในการวัด โดยทั่วไปทำจากวัสดุที่แข็งและทนทาน เช่น เหล็กกล้าคาร์ไบด์
- B. แกนวัด (Spindle): เป็นส่วนที่เคลื่อนที่เข้าหาชิ้นงานเมื่อเราหมุนปลอกหมุนวัด ทำจากวัสดุที่แข็งและมีปลายที่เรียบเพื่อให้ได้ค่าการวัดที่แม่นยำ
- C. ด้ามจับ (Frame): เป็นโครงสร้างหลักที่ยึดส่วนประกอบต่างๆ ของไมโครมิเตอร์เข้าด้วยกัน
- D. น็อตปรับ (Lock Nut): ใช้สำหรับล็อคตำแหน่งของแกนวัด เมื่อได้ค่าการวัดที่ต้องการแล้ว
- E. เพรียว (Sleeve): เป็นส่วนที่สวมอยู่บนด้ามจับ มีสเกลหลักสำหรับอ่านค่าการวัดในหน่วยมิลลิเมตร
- F. พื้นผิวสำหรับสอบเทียบ: ใช้สำหรับสอบเทียบไมโครมิเตอร์ให้ได้ค่าที่ถูกต้อง
- G. สเกล (Thimble): เป็นส่วนที่หมุนได้ และมีสเกลละเอียดสำหรับอ่านค่าทศนิยมของมิลลิเมตร
- H. ปลอกป้องกัน (Ratchet): ช่วยป้องกันไม่ให้กดไมโครมิเตอร์ลงบนชิ้นงานแรงเกินไป ซึ่งอาจทำให้ชิ้นงานเสียรูปได้
- I. ด้ามจับ (Thimble Cap): ใช้สำหรับหมุนสเกลเพื่อทำการวัด
วัสดุที่นิยมใช้ในการผลิตไมโครมิเตอร์
การเลือกใช้วัสดุในการผลิตไมโครมิเตอร์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้เครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูง ทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน ไมโครมิเตอร์ ผลิต จากเหล็กชนิดใดดังนี้
ไมโครมิเตอร์ผลิตจากเหล็กชนิดใด
- เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel): เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการผลิตส่วนประกอบบางส่วนของไมโครมิเตอร์ เช่น แกนวัดและแกนรับ เนื่องจากมีความแข็งสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และมีราคาไม่แพง
- เหล็กกล้าไร้สนิม (Stainless Steel): มีความต้านทานต่อการกัดกร่อนสูง เหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ชื้นหรือมีสารเคมี เหมาะสำหรับใช้กับชิ้นงานที่ทำจากวัสดุที่อาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับเหล็กกล้าคาร์บอน
- คาร์ไบด์ (Carbide):เป็นวัสดุที่มีความแข็งสูงมาก ทนทานต่อการสึกหรอและความร้อน เหมาะสำหรับใช้กับชิ้นงานที่แข็งและมีความละเอียดสูง มักใช้ทำปลายแกนวัดและแกนรับของไมโครมิเตอร์ที่มีความแม่นยำสูง
- เซรามิก: มีความแข็งสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และมีค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวทางความร้อนต่ำมาก เหมาะสำหรับใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง และต้องการความแม่นยำสูงมาก
วิธีการใช้ micrometer ไมโครมิเตอร์ขั้นตอนโดยละเอียด
ไมโครมิเตอร์ เป็นเครื่องมือวัดที่มีความละเอียดสูงในการวัดขนาดของวัตถุต่างๆ การใช้งานไมโครมิเตอร์อย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลการวัดที่แม่นยำและเชื่อถือได้ มาทำความเข้าใจขั้นตอนการใช้งานไมโครมิเตอร์กันเลย
ขั้นตอนการใช้งานไมโครมิเตอร์ทั่วไป
1.เตรียมความพร้อม
- ทำความสะอาด: ก่อนใช้งานทุกครั้ง ควรเช็ดทำความสะอาดแกนรับและแกนวัดด้วยผ้าสะอาดและแห้ง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองที่อาจมีอยู่ ซึ่งจะส่งผลต่อความแม่นยำในการวัด
- ตรวจสอบสภาพ: ตรวจสอบว่าไมโครมิเตอร์อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ไม่มีส่วนใดชำรุดเสียหาย
2.จับไมโครมิเตอร์
- จับให้ถูกวิธี: ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือซ้ายจับที่ฝาป้องกันอุณหภูมิบนเฟรมของไมโครมิเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิจากมือส่งผลต่อการขยายตัวของโลหะและทำให้ค่าการวัดผิดเพี้ยน
- หมุนปลอกหมุน: ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือขวาหมุนปลอกหมุน (Thimble) เพื่อปรับแกนวัดให้สัมผัสกับชิ้นงาน
3.วัดชิ้นงาน
- วางชิ้นงาน: วางชิ้นงานที่ต้องการวัดระหว่างแกนรับ (Anvil) และแกนวัด (Spindle) ให้แน่นอน
- หมุนปลอกหมุน: หมุนปลอกหมุนอย่างช้าๆ จนกว่าแกนวัดจะสัมผัสกับชิ้นงานพอดี โดยใช้แรงกดที่สม่ำเสมอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป
- ล็อคค่า: เมื่อได้ค่าที่ต้องการแล้ว ให้ใช้ตัวล็อค (Lock Nut) ล็อคแกนวัดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าการวัดเปลี่ยนแปลง
4.อ่านค่า
- สเกลหลัก: อ่านค่าจากสเกลหลักบนแขนวัด (Sleeve) ซึ่งจะบอกค่าในหน่วยมิลลิเมตร
- สเกลละเอียด: อ่านค่าจากสเกลละเอียดบนปลอกหมุน (Thimble) ซึ่งจะบอกค่าทศนิยมของมิลลิเมตร
- รวมค่า: นำค่าที่อ่านได้จากสเกลหลักและสเกลละเอียดมารวมกัน เพื่อให้ได้ค่าการวัดที่สมบูรณ์
การใช้ micrometer ไมโครมิเตอร์วัดนอกและสำหรับวัดใน
โดยแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามการใช้งาน หนึ่งในนั้นคือ ไมโครมิเตอร์วัดนอก และ ไมโครมิเตอร์วัดใน ซึ่งมีหลักการทำงานและการใช้งานที่แตกต่างกันเล็กน้อย
ไมโครมิเตอร์วัดนอก (External Micrometer)
- ลักษณะ: มีแกนรับและแกนวัดอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
- การใช้งาน: ใช้สำหรับวัดขนาดภายนอกของวัตถุ เช่น เส้นผ่านศูนย์กลางของแท่งเหล็ก ความหนาของแผ่นโลหะ
-
วิธีการใช้้ micrometer ไมโครมิเตอร์วัดนอก
1.เตรียมความพร้อม: ทำความสะอาดไมโครมิเตอร์ และตรวจสอบสภาพ
2.จับไมโครมิเตอร์: จับที่ด้ามจับอย่างมั่นคง
3.วางชิ้นงาน: วางชิ้นงานระหว่างแกนรับและแกนวัด
4.หมุนปลอกหมุน: หมุนปลอกหมุนจนแกนวัดสัมผัสชิ้นงานพอดี
5.อ่านค่า: อ่านค่าจากสเกลหลักและสเกลละเอียด - ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการกดแรงเกินไป อาจทำให้ชิ้นงานเสียรูป
ไมโครมิเตอร์วัดใน (Internal Micrometer)
- ลักษณะ: มีขาวัดสองขาที่ยื่นออกมาจากแกนหลัก
- การใช้งาน: ใช้สำหรับวัดขนาดภายในของวัตถุ เช่น เส้นผ่านศูนย์กลางภายในของท่อ ความกว้างของร่อง
-
วิธีการใช้้ micrometer ไมโครมิเตอร์วัดใน
1.เตรียมความพร้อม: ทำความสะอาดไมโครมิเตอร์ และตรวจสอบสภาพ
2.จับไมโครมิเตอร์: จับที่ด้ามจับอย่างมั่นคง
3.วางขาวัด: วางขาวัดเข้าไปในช่องที่ต้องการวัด
4.หมุนปลอกหมุน: หมุนปลอกหมุนจนขาวัดสัมผัสกับผนังด้านในของช่องพอดี
5.อ่านค่า: อ่านค่าจากสเกลหลักและสเกลละเอียด - ข้อควรระวัง: ขาวัดอาจเสียหายได้ง่าย ควรใช้ความระมัดระวัง
ข้อควรจำในการใช้ไมโครมิเตอร์ทั้งสองชนิด
- สอบเทียบ: ควรสอบเทียบไมโครมิเตอร์เป็นประจำเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้อง
- แรงกด: กดไมโครมิเตอร์ลงบนชิ้นงานเบาๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ชิ้นงานเสียรูป
- อุณหภูมิ: อุณหภูมิมีผลต่อความแม่นยำในการวัด ควรใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิคงที่
- ความสะอาด: รักษาความสะอาดของไมโครมิเตอร์อยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปติดและส่งผลต่อการวัด
ทั้งไมโครมิเตอร์วัดนอกและวัดในเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวัดขนาดของวัตถุที่มีความแม่นยำสูง การเลือกใช้ไมโครมิเตอร์ให้เหมาะสมกับงานจะช่วยให้ได้ผลการวัดที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ การใช้งานที่ถูกวิธีและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของไมโครมิเตอร์
ขั้นตอนการดูแลรักษาไมโครมิเตอร์
1.ทำความสะอาด
- หลังการใช้งานทุกครั้ง: ควรเช็ดทำความสะอาดไมโครมิเตอร์ด้วยผ้าสะอาดและแห้ง โดยเฉพาะบริเวณแกนรับ แกนวัด และส่วนที่สัมผัสกับชิ้นงาน เพื่อขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน หรือคราบต่างๆ ที่อาจเกาะอยู่
- หลีกเลี่ยงสารเคมี: อย่าใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนในการทำความสะอาด เพราะอาจทำให้พื้นผิวของไมโครมิเตอร์เสียหายได้
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์: ผ้าไมโครไฟเบอร์มีความนุ่มและสามารถดูดซับสิ่งสกปรกได้ดี เหมาะสำหรับทำความสะอาดไมโครมิเตอร์
2.เก็บรักษา
- ที่แห้งและเย็น: เก็บไมโครมิเตอร์ไว้ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงและความชื้นสูง
- ในกล่อง: เก็บไมโครมิเตอร์ไว้ในกล่องเดิมหรือกล่องที่ออกแบบมาสำหรับเก็บเครื่องมือวัด เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและความเสียหาย
- หล่อลื่น: หากมีการแนะนำให้หล่อลื่นส่วนเคลื่อนไหว ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นเฉพาะสำหรับเครื่องมือวัด และหล่อลื่นตามปริมาณที่กำหนด
3.การสอบเทียบ
- เป็นประจำ: นำไมโครมิเตอร์ไปสอบเทียบกับมาตรฐานที่ได้รับการรับรองเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าค่าการวัดยังคงมีความแม่นยำ
- หลังจากการตกกระแทก: หากไมโครมิเตอร์เกิดการตกหรือกระแทก ควรนำไปสอบเทียบก่อนนำมาใช้งาน
4.สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- การตกกระแทก: การตกกระแทกอาจทำให้ส่วนประกอบภายในของไมโครมิเตอร์เสียหายได้
- แรงกดที่มากเกินไป: การกดแรงเกินไปขณะวัดอาจทำให้ชิ้นงานเสียรูปหรือทำให้ไมโครมิเตอร์เสียหาย
- การดัดแปลง: ห้ามดัดแปลงส่วนประกอบของไมโครมิเตอร์เอง
- การใช้เครื่องมือวัดที่ชำรุด: หากพบว่าไมโครมิเตอร์มีส่วนใดชำรุด ควรหยุดใช้งานและส่งซ่อมทันที
เหตุผลที่ต้องดูแลรักษาไมโครมิเตอร์
- ความแม่นยำ: การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยให้ไมโครมิเตอร์มีความแม่นยำในการวัดสูงสุด
- ยืดอายุการใช้งาน: การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ไมโครมิเตอร์ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
- ลดค่าใช้จ่าย:การดูแลรักษาจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
การดูแลรักษาไมโครมิเตอร์เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง การปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้ไมโครมิเตอร์ของคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเสมอ และให้ผลการวัดที่ถูกต้อง
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างไมโครมิเตอร์ดิจิตอลและไมโครมิเตอร์ธรรมดา
คุณสมบัติ | ไมโครมิเตอร์ดิจิตอล | ไมโครมิเตอร์ธรรมดา |
หลักการทำงาน | ใช้เซ็นเซอร์วัดค่าและแสดงผลเป็นตัวเลข | อ่านค่าจากสเกลหลักและสเกลละเอียด |
การอ่านค่า | สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ | ต้องอาศัยความชำนาญในการอ่านค่า อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ |
ความละเอียด | สูง สามารถวัดได้ละเอียดถึงระดับไมครอน | ขึ้นอยู่กับชนิดของไมโครมิเตอร์ แต่โดยทั่วไปจะต่ำกว่าแบบดิจิตอล |
ฟังก์ชันเพิ่มเติม | มีฟังก์ชันเสริม เช่น การบันทึกข้อมูล การคำนวณค่าเฉลี่ย | ไม่มีฟังก์ชันเสริม |
ราคา | สูงกว่า | ถูกกว่า |
ความทนทาน | อาจเสียหายได้ง่ายจากแรงกระแทกหรือความชื้น | ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ดีกว่า |
การบำรุงรักษา | ต้องดูแลรักษาส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ | ง่ายต่อการดูแลรักษา |
เมื่อไรควรเลือกใช้แบบไหน
เลือกใช้ไมโครมิเตอร์ดิจิตอลเมื่อ
- ต้องการความแม่นยำสูง
- ต้องการอ่านค่าได้อย่างรวดเร็วและสะดวก
- ต้องการฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น การบันทึกข้อมูล การคำนวณค่าเฉลี่ย
- งบประมาณไม่จำกัด
เลือกใช้ไมโครมิเตอร์ธรรมดาเมื่อ
- งบประมาณจำกัด
- ไม่ต้องการความละเอียดสูงมากนัก
- ต้องการเครื่องมือที่ทนทาน
- ไม่ต้องการฟังก์ชันเสริม
ดังนั้นการใช้ ไมโครมิเตอร์ ดิจิตอลและไมโครมิเตอร์ธรรมดามีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับงานและงบประมาณ โดยการใช้ไมโครมิเตอร์ดิจิตอลเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงและความสะดวกสบายในการใช้งาน ส่วนการใช้ไมโครมิเตอร์ธรรมดาเหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการความละเอียดสูงมากนักและต้องการเครื่องมือที่ทนทาน
หมายเหตุ: ข้อมูลในตารางนี้เป็นข้อมูลทั่วไป การเลือกใช้ไมโครมิเตอร์ควรพิจารณาจากความต้องการใช้งานจริงและลักษณะเฉพาะของงาน
การใช้ไมโครมิเตอร์อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่เมื่อทำความเข้าใจหลักการและฝึกฝนบ่อยๆ ก็จะสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วและได้ผลการวัดที่แม่นยำ การดูแลรักษาไมโครมิเตอร์อย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความแม่นยำของเครื่องมือได้อย่างยาวนาน
ไมโครมิเตอร์ แบรนด์ขายดี คุณภาพดี ราคาถูก
หากสนใจในการสั่งชื้อไมโครมิเตอร์ สามารถเช็คราคาล่าสุดที่ตรงใจและตรงต่อการนำไปใช้งานคุ้มค่ากับงบประมาณโดยการแอดไลน์ได้ที่นี่เลย @northpower หรือ คลิกสอบถามแอดมิน ที่คอยบริการให้ข้อมูลสินค้าช่วยเทียบสเปคสินค้าตั้งแต่ 8:00 - 17:00 แอดเลยไม่ต้องรอ