สาเหตุที่ทำให้กระบอกไฮดรอลิกพังเร็ว พร้อมวิธีป้องกันและบำรุงรักษาให้ใช้งานได้นานขึ้น
สาเหตุที่ทำให้กระบอกไฮดรอลิกพังเร็ว
- เกิดจากปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่เหมาะสมร่วมกัน ปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดคือคุณภาพของน้ำมันไฮดรอลิก น้ำมันที่มีสิ่งสกปรกปะปน เช่น ฝุ่น ผงโลหะ หรือเศษซีล จะไหลเวียนผ่านลูกสูบและผิวกระบอกอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการขูดขีดและสึกหรออย่างต่อเนื่อง แม้ความเสียหายจะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะทำให้ซีลเสียหาย ผิวกระบอกเป็นรอย และเกิดการรั่วซึมในที่สุด
- การปนเปื้อนของน้ำหรือความชื้นในระบบไฮดรอลิก น้ำที่เข้าสู่ระบบจะทำให้เกิดสนิมภายในกระบอก ลูกสูบ และก้านสูบ รวมถึงทำให้น้ำมันเสื่อมคุณสมบัติการหล่อลื่น น้ำมันที่มีน้ำปนจะไม่สามารถสร้าง ฟิล์มหล่อลื่นที่เหมาะสม ส่งผลให้แรงเสียดทานภายในสูงขึ้น ซีลเสื่อมสภาพเร็ว และความเสียหายจะ สะสมโดยที่ผู้ใช้งานมักไม่รู้ตัวจนกระบอกพังอย่างรุนแรง
- แรงดันที่สูงเกินกว่าค่าที่กระบอกถูกออกแบบมาให้รับได้ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กระบอกไฮดรอลิกพัง เร็วอย่างชัดเจน เมื่อระบบทำงานที่แรงดันสูงตลอดเวลา ผนังกระบอก ลูกสูบ และซีลจะรับภาระเกิน ขีดจำกัด เกิดความเครียดสะสมในวัสดุ ซีลอาจแตก บวม หรือฉีกขาด และในบางกรณีอาจทำให้กระ บอกเกิดการโป่งหรือร้าว ซึ่งความเสียหายลักษณะนี้มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและยากต่อการซ่อมแซม
- การรับแรงด้านข้างและการติดตั้งที่ไม่ตรงแนวก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้กระบอกไฮดรอลิกเสื่อมสภาพ เร็วกว่าปกติ กระบอกไฮดรอลิกถูกออกแบบมาให้รับแรงในแนวแกน หากมีแรงด้านข้างจากโครง สร้างหรือการติดตั้งที่เยื้องศูนย์ จะทำให้ก้านสูบเอียง ลูกสูบเสียดสีกับผิวกระบอกตลอดเวลา ส่งผล ให้บูชและซีลสึกหรออย่างรวดเร็ว และทำให้ก้านสูบมีโอกาสงอหรือผิวภายในกระบอกเป็นรอย
- สภาพผิวของก้านกระบอกก็มีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งาน หากผิวก้านมีรอยขีดข่วน เป็นสนิม หรือ ผิวไม่เรียบ ทุกครั้งที่ก้านเคลื่อนที่เข้าออก ซีลก้านจะถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการรั่วซึมของ น้ำมัน และเปิดโอกาสให้สิ่งสกปรกจากภายนอกเข้าสู่ภายในกระบอก ซึ่งจะเร่งการสึกหรอของชิ้นส่วน ภายในให้รุนแรงขึ้นไปอีก
- อุณหภูมิการทำงานที่สูงเกินไปเป็นสาเหตุที่ถูกมองข้ามบ่อย ความร้อนทำให้น้ำมันไฮดรอลิกเสื่อม คุณสมบัติ ซีลสูญเสียความยืดหยุ่น และความสามารถในการหล่อลื่นลดลง เมื่อระบบทำงานภายใต้ อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน การสึกหรอภายในกระบอกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้อายุการใช้งาน ของกระบอกสั้นลงอย่างมาก
- แรงกระแทกและโหลดกระชากจากการทำงาน เช่น การชนสุดช่วงชัก การหยุดหรือกลับทิศทางอย่าง รวดเร็ว จะทำให้เกิดแรงดันพุ่งสูงในช่วงเวลาสั้น ๆ แรงลักษณะนี้สร้างความเสียหายสะสมให้กับซีล ลูกสูบ และโครงสร้างของกระบอก แม้ในระยะแรกอาจยังไม่เห็นความผิดปกติ แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ความเสียหายจะสะสมจนกระบอกพังในที่สุด
วิธีป้องกันและบำรุงรักษาให้กระบอกไฮดรอลิกใช้งานได้นานขึ้น
- ควบคุมความสะอาดของน้ำมันไฮดรอลิกอย่างจริงจัง
- ป้องกันน้ำและความชื้นไม่ให้เข้าระบบ
- ใช้น้ำมันไฮดรอลิกให้ตรงสเปกและเหมาะกับงาน
- ควบคุมแรงดันระบบไม่ให้เกินค่าที่ออกแบบ
- ติดตั้งกระบอกให้ตรงแนว 100%
- ป้องกันแรงกระแทกและโหลดกระชาก
- ดูแลผิวก้านกระบอกให้สมบูรณ์อยู่เสมอ
- ใช้ซีลและอะไหล่คุณภาพตรงรุ่น
- ควบคุมอุณหภูมิของระบบไฮดรอลิก
- ตรวจสอบการรั่วซึมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
- เลือกขนาดกระบอกให้เหมาะกับโหลดงาน
- บำรุงรักษาตามรอบอย่างสม่ำเสมอ
ข้อสังเกตุกระบอกไฮดรอลิก
1) ด้านโครงสร้างและการออกแบบ
ชนิดกระบอก: เลือกให้ตรงลักษณะงาน(ดันอย่างเดียว หรือดึง–ดัน)
ขนาดลูกสูบและก้านสูบ: มีผลต่อแรง ความเร็ว และความแข็งแรงของก้าน
ช่วงชัก (Stroke): ต้องเผื่อระยะใช้งานจริง ไม่สั้นหรือยาวเกินจำเป็น
การยึดติดตั้ง: ต้องเหมาะกับทิศทางแรง เพื่อลดแรงด้านข้าง
2) ด้านสมรรถนะการทำงาน
แรงดันใช้งาน: ต้องไม่เกินค่าที่ออกแบบไว้ของกระบอกและซีล
ความเร็วการเคลื่อนที่: ขึ้นกับอัตราการไหลน้ำมันและพื้นที่ลูกสูบ
แรงผลัก–แรงดึงไม่เท่ากัน: กระบอก Double Acting ด้านก้านจะให้แรงน้อยกว่า
3) ด้านซีลและการรั่วซึม
การรั่วภายนอก: มักเกิดจากซีลก้านสูบเสื่อม
การรั่วภายใน: ลูกสูบเคลื่อนแต่แรงตก หรือเคลื่อนช้า ซีลลูกสูบสึก
ชนิดซีล: ต้องเหมาะกับแรงดัน อุณหภูมิ และชนิดน้ำมัน
4) ด้านการติดตั้ง
แนวศูนย์ต้องตรง: หากกระบอกเอียงจะทำให้ซีลสึกเร็วและก้านคด
หลีกเลี่ยงแรงด้านข้าง: กระบอกไฮดรอลิกออกแบบมารับแรงตามแนวแกนเท่านั้น
การรองรับปลายก้าน: งานชักยาวควรมี Guide หรือ Support เพิ่ม
5) ด้านการบำรุงรักษา
ตรวจสอบ รอยน้ำมันซึม เป็นประจำ
เช็ก ผิวก้านสูบ ห้ามมีรอยขีดหรือสนิม
รักษาความสะอาดของ น้ำมันไฮดรอลิก
เปลี่ยนซีลตามรอบ ไม่รอให้รั่วหนัก
6) ข้อสังเกตจากอาการผิดปกติ
กระบอกกระตุก อากาศในระบบและน้ำมันสกปรก
แรงตก เคลื่อนช้า ซีลลูกสูบรั่วภายใน
เสียงดังผิดปกติ แรงดันเกินหรือแนวติดตั้งไม่ตรง
ข้อควรระวังในการใช้กระบอกไฮดรอลิก
1) ข้อควรระวังด้านการติดตั้ง ติดตั้งให้แนวศูนย์ตรงกัน ระหว่างกระบอกกับโหลดแนวเอียงทำให้ก้านคด ซีลสึกเร็ว หลีกเลี่ยงแรงด้านข้าง กระบอกไฮดรอลิกรับแรงตามแนวแกนเท่านั้น เลือกจุดยึดให้เหมาะสมให้สอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนที่ของโหลดงานช่วงชักยาว ควรมีไกด์หรือรางนำทางเสริม
2) ข้อควรระวังด้านแรงดันและโหลด ห้ามใช้แรงดันเกินพิกัด ของกระบอกและซีล หลีกเลี่ยงแรงกระแทก เช่น ดันชนปลายชักแรง ๆ โดยไม่มี Cushion ไม่ควรรับน้ำหนักค้างไว้เป็นเวลานาน หากไม่มีวาล์วล็อกโหลด
3) ข้อควรระวังด้านความเร็วและการควบคุมไม่เร่งความเร็วเกินไป จะทำให้ซีลเสียหายและเกิดแรงกระแทกใช้ Flow Control Valve ควบคุมความเร็วให้เหมาะสม ระวัง Cavitation จากการดูดน้ำมันไม่ทัน
4) ข้อควรระวังด้านน้ำมันไฮดรอลิกใช้ ชนิดน้ำมันให้ตรงสเปก ที่ซีลรองรับรักษา ความสะอาดของน้ำมันสิ่งสกปรกทำลายซีลและผิวกระบอกโดยตรงห้ามปล่อยให้น้ำมันขาดหรืออากาศเข้าระบบ
5) ข้อควรระวังด้านซีลและก้านสูบหลีกเลี่ยง รอยขีดข่วนบนก้านสูบ รอยเล็ก ๆ ก็ทำให้ซีลรั่วได้ไม่ใช้กระบอกในสภาพแวดล้อมที่มี ฝุ่นมาก กัดกร่อน หรืออุณหภูมิสูง โดยไม่มีการป้องกันตรวจสอบ ซีลก้านและซีลลูกสูบ เป็นระยะ
6) ข้อควรระวังด้านความปลอดภัยห้ามถอดกระบอกขณะมีแรงดันในระบบซ่อมบำรุงต้อง ระบายแรงดันออกก่อนทุกครั้งอย่าเข้าใกล้ก้านสูบขณะทำงาน เสี่ยงถูกหนีบหรือกระแทกใช้ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลทุกครั้ง
7) สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้ามน้ำมันรั่ว ซีลเริ่มเสื่อม กระบอกกระตุกหรือสียงดัง อากาศในระบบ หรือแรงดันผิดปกติ แรงตก เคลื่อนช้า ซีลรั่วภายใน หรือวาล์วมีปัญหา
หัวข้อเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กระบอกไฮดรอลิก (hydraulic cylinder)
ความแตกต่างระหว่างข้อต่อลมกับข้อต่อไฮดรอลิก และวิธีเลือกข้อต่อลมให้เหมาะกับประเภทท่อ
กระบอกลมกับกระบอกไฮดรอลิก อันไหนจะชนะการต่อสู้ด้านประสิทธิภาพ?
กระบอกไฮดรอลิกคืออะไร? มีประเภทอะไรบ้าง และข้อดีของการใช้กระบอกไฮดรอลิกในระบบอุตสาหกรรม
หากสนใจในการสั่งชื้อ กระบอกไฮดรอลิก (hydraulic cylinder) สามารถเช็คราคาล่าสุดที่ตรงใจและตรงต่อการนำไปใช้งานคุ้มค่ากับงบประมาณโดยการแอดไลน์ได้ที่นี่เลย @northpower หรือ คลิกสอบถามแอดมิน ที่คอยบริการให้ข้อมูลสินค้าช่วยเทียบสเปคสินค้าตั้งแต่ 8:00 - 17:00 แอดได้เลย อย่ารอช้า