สวิตซ์หยุดฉุกเฉิน (E-STOP) COMEPI
สวิตช์หยุดฉุกเฉิน (Emergency Stop Switch) เป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่สำคัญในงานอุตสาหกรรมซึ่งถูก ออกแบบมาเพื่อหยุดการทำงานของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ทันทีเมื่อ เกิดเหตุฉุกเฉิน สำหรับสวิตช์หยุดฉุกเฉิน E-STOP นั้นเป็นผลิต ภัณฑ์จากบริษัท COMEPI ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ควบคุมและสวิตช์สำ หรับงานอุตสาหกรรมจากประเทศอิตาลี ผลิตภัณฑ์ของ COMEPI ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้งานจริง อย่างมากมาย
ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้สวิตซ์หยุดฉุกเฉิน E-STOP
1. ประเภทของสวิตช์หยุดฉุกเฉิน (Emergency Stop Switch)
- Push-Pull (กดแล้วดึงกลับ) – เป็นแบบที่พบได้ทั่วไป กดลงเพื่อหยุด และดึงกลับเพื่อรีเซ็ต
- Twist Release (หมุนปลดล็อค) – ต้องหมุนเพื่อปลดล็อค ลดโอกาสเกิดการเปิดใช้งานโดยไม่ได้ตั้งใจ
- Key Release (ใช้กุญแจปลดล็อค) – เหมาะสำหรับงานที่ต้องการควบคุมเฉพาะบุคคล เช่น เครื่องจักรที่ต้องการความปลอดภัยสูง
- Cable Pull (ดึงสายเคเบิล) – ใช้กับพื้นที่กว้าง เช่น สายพานลำเลียง
2. มาตรฐานความปลอดภัย
ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานต่างๆ ต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้งานหากเกิดเหตุการณ์ในกรณีฉุกเฉินขึ้น
- ISO 13850 (มาตรฐานสากลสำหรับสวิตช์หยุดฉุกเฉิน)
- IEC 60947-5-5 (มาตรฐานทางไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ควบคุม)
- EN 418 (มาตรฐานยุโรปด้านความปลอดภัย)
- UL, CE, TUV (มาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพจากหน่วยงานต่าง ๆ)
3. จำนวนและตำแหน่งติดตั้ง
- ควรติดตั้งในจุดที่เข้าถึงได้ง่าย ห่างจากตำแหน่งอันตรายน้อยที่สุด
- จำนวนสวิตช์ควรเพียงพอให้พนักงานทุกคนสามารถใช้งานได้ทันที
4. ความทนทานของอุปกรณ์
- ควรเลือกสวิตช์ที่มีโครงสร้างแข็งแรง ทนต่อแรงกดหรือแรงกระแทก
- หากใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือน้ำ ควรเลือกสวิตช์ที่มีค่าป้องกันระดับ IP65 หรือ IP67
5. รองรับแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสวิตช์รองรับแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่
- สวิตช์บางรุ่นอาจรองรับแรงดันไฟ 24V, 110V หรือ 220V ควรเลือกให้ตรงกับระบบไฟฟ้าของเครื่องจักร
6. ฟังก์ชันการทำงานพิเศษ
- บางรุ่นอาจมีไฟแสดงสถานะ (LED Indicator) ช่วยให้มองเห็นง่ายขึ้น
- มีระบบ Fail-Safe เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อเกิดความผิดพลาด ระบบจะหยุดทำงานทันที
- สามารถเชื่อมต่อกับ PLC หรือระบบอัตโนมัติ ได้ หากต้องการควบคุมผ่านระบบอื่น
7. ยี่ห้อและผู้ผลิตที่เชื่อถือได้
- ควรเลือกสวิตช์จากแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น COMEPI, Schneider, Siemens, ABB, Omron
- การตรวจสอบการรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย
Emergency Stop Switch (E-STOP) ควรติดตั้งยังไง และติดไว้ตรงไหนถึงจะเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด
ตำแหน่งเหมาะสมที่ควรติดตั้ง
ควรติดตั้งในจุดที่ มองเห็นและเข้าถึงได้ง่ายเพื่อให้สามารถกดหยุดเครื่องจักรได้ทันทีเมื่อต้องการ ยกตัวอย่างเช่น
- ด้านหน้าเครื่องจักร หรือ แผงควบคุมหลัก
- ตำแหน่งใกล้กับจุดปฏิบัติงานที่อาจเกิดอันตราย
- ใกล้กับทางเข้า-ออกของพื้นที่ทำงาน เพื่อให้หยุดการทำงานได้จากภายนอก
- ติดตั้งเป็นระยะ ๆ ตามแนวสายพานลำเลียง (หากเป็นระบบลำเลียง)
ความสูงและระยะห่างที่เหมาะสมในการติดตั้ง
- ควรติดตั้ง ที่ความสูงประมาณ 0.8 – 1.2 เมตร จากพื้น เพื่อให้ใช้งานสะดวก
- หากเป็นระบบที่ใช้คนขับเครื่องจักร ควรติดตั้ง ภายในระยะที่มือสามารถเอื้อมถึงได้ทันท
- หากเป็นสายพานลำเลียง ควรติดตั้ง ทุก ๆ 2 – 3 เมตร ตามมาตรฐานความปลอดภัย
วิธีการติดตั้งที่ปลอดภัย
- ควรติดตั้งให้ปุ่ม มีความมั่นคง แข็งแรง ไม่โยกคลอน
- ควรใช้แผ่นป้ายกำกับ (Label) ที่ชัดเจน เช่น "Emergency Stop" หรือ "หยุดฉุกเฉิน"ให้ง่ายต่อการสังเกตุเห็น
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งในจุดที่อาจเกิดการกดปุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น ใกล้จุดที่มีการเดินผ่าน บ่อย ๆ
- หากเป็นแบบ ดึงสาย (Cable Pull Switch) ต้องมีแรงดึงที่เหมาะสม และติดตั้งสายให้เป็นแนวตรง ไม่มีการหย่อน
การเชื่อมต่อและทดสอบการทำงาน
- ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า การเชื่อมต่อทางไฟฟ้าถูกต้อง และรองรับแรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน
- ทดสอบการกดปุ่มว่า สามารถหยุดการทำงานของเครื่องจักรได้ทันทีหรือไม่
- ทดสอบการรีเซ็ต (Reset) โดยใช้วิธีที่เหมาะสม เช่น ดึงกลับ, หมุนปลดล็อค หรือใช้กุญแจ
- ตรวจสอบการทำงานของระบบ อย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้งหรือบ่อยขึ้นหากเป็นเครื่องจักร ที่มีความเสี่ยงสูง
การปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย
ควรติดตั้งสวิตช์หยุดฉุกเฉินที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น
- ISO 13850 – มาตรฐานสากลเกี่ยวกับสวิตช์หยุดฉุกเฉิน
- IEC 60947-5-5 – มาตรฐานทางไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ควบคุม
- OSHA (Occupational Safety and Health Administration)กฎหมายด้านความ ปลอดภัยของแรงงาน
นอร์ทพาวเวอร์ บริการงานติดตั้ง ซ่อม สร้าง
อ่านบทความ ->
ราคาอัพเดตล่าสุด 05/02/68